KVIS คือ? ดีอย่างไร?

KVIS = โรงเรียนกำเนิดวิทย์ เป็นโรงเรียนระดับมัธยมปลาย ที่เน้นความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์ ในรูปแบบโรงเรียนประจำก่อตั้งโดย กลุ่มปตท. และมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างนักวิจัยมาพัฒนาประเทศ โดยโรงเรียนเริ่มเปิดภาคเรียนครั้งแรกใน ปีการศึกษา 2558 


                      โรงเรียนกำเนิดวิทย์ ตั้งอยู่ที่ อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง ซึ่่งประกอบไปด้วย โรงเรียนกำเนิดวิทย์ (KVIS) สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) และสถาบันปลูกป่าวังจันทร์


       


ข้อดี คือ

1. เรียนฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย โรงเรียนกำเนิดวิทย์สนับสนุนทุนการศึกษา คิดเป็นมูลค่าของทุนปีละ 880,000 บาท เพื่อศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยทุนนี้เป็น ค่าเล่า เรียน ค่าอาหาร และ ค่าที่พัก
2. คุณภาพมาตรฐาน ระดับ World Class
3. นักเรียนห้องละ 18 คน เน้นการพัฒนาศักยภาพรายบุคคล ระดับชั้นละ 4 ห้อง
4. สอนเป็นภาษาอังกฤษเป็นหลัก ก่อนจบการศึกษา นักเรียนต้องผ่านTOEFL IBT
5. เป็นโรงเรียนประจำ อยู่หอ ท่ามกลางภูมิทัศน์ และสถาปัตยกรรมอันสวยงาม ร่มรื่น ล้ำสมัย
6. กำเนิดวิทย์เป็นโรงเรียนวิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่ต้องการบ่มเพาะเยาวชนไทย ผู้มีความสามารถพิเศษด้านคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ให้มีจิตวิญญาณของนักวิจัย นักประดิษฐ์และนักนวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อนสังคมไทยให้อยู่ดีมีสุขและแข่งขันได้ในเวทีโลก
7. รับสมัครเฉพาะเด็ก ม.3 ประมาณช่วงปลายเดือน กันยายนของทุกปี มีผู้สมัครประมาณ 7,000 คน รอบแรกประกาศรับ 300 คน จากนั้นจะคัดรอบสอง เหลือ 72 คน (การแข่งขันประมาณ 1 : 100)

                                                        


รูปแบบการเรียนการสอน

  • เรียนภาษาอังกฤษเป็นหลัก ซึ่งก่อนจบการศึกษา ทุกคนต้องมีการสอบภาษาอังกฤษไม่ต่ำกว่า 60 คะแนนของแบบทดสอบ TOEFL IBT กรณีที่สอบไม่ผ่าน เกณฑ์ขั้นต่ำนักเรียนต้องเข้าค่ายฝึทักษภาษาอังกฤษของทางโรงเรียน
  •        นักเรียนทุกคนต้องทำวิจัย และนำเสนอผลงานเป็นภาษาอังกฤษ ในที่ประชุมวิชาการ
  •         มีคลินิกวิชาการ โดยมีครูสาขาวิชาต่างๆ เสริมหลักสูตร พัฒนาผู้เรียน เสริมทักษะ ดนตรี กีฬา นันทนาการ กิจกรรมชุมนุม ให้นักเรียนได้เข้าร่วมตามสมัครใจ
  •    มีระบบไอซีทีที่ล้ำสมัย นักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูลเพื่อการเรียนรู้ได้รวดเร็ว ทุกเวลาและทุกสถานที่
  •         มีห้องปฏิบัติการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ล้ำสมัย ให้นักเรียนทำงานวิจัยได้ทุกวัน โดยมีคุณครูเป็นผู้กำกับดูแลตลอดเวลา
  •         มีห้องสมุดที่ล้ำสมัย มีสื่อการเรียนรู้ทั้งสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สื่อออนไลน์ สื่อสิ่งพิมพ์ ที่มีคุณภาพสูงและปริมาณเพียงพอ เปิดให้บริการทุกวันทั้งกลางวันแลกลางคืน
  •    จัดให้มีเครือข่าย ความร่วมมือทางด้านวิชาการ ทั้งในและต่างประเทศ  ส่งเสริมนักเรียนไปนำเสนอผลงานแข่งขัน และเข้าร่วมกิจกรรมทางวิชาการในระดับนานาชาติ                            
  •   อพัก แยกชายและหญิง มีครูหอพักดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง
 

งื่อนไขการสมัครสอบ

เรียนอยู่ ม. 3 หรือเทียบเท่า ต้องมีผลการเรียนของ คณิต และ วิทย์ ของ ม.1 และ ม.2 เฉลี่ยตั้งแต่ 3.50 ขึ้นไป และ GPA เฉลี่ยสะสมรวมทุกวิชา 3.00 ขึ้นไป หรือ ผ่านการคัดเลือกรอบแรก โครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ของ สสวท. หรือ ได้รับรางวัลการแข่งขันด้าน คณิต หรือ วิทย์ ในระดับชาติ หรือระดับนานาชาติ


รูปแบบการสอบเข้า

จากผู้สมัครสอบ ประมาณ 7,000 คน ผ่านรอบแรกเหลือ 300 คน  จากนั้นจะมาทำการสอบรอบสอง ให้เหลือเพียง 72 คน 


  • วิชาคณิตศาสตร์ จะเน้นวัดศักยภาพในการเรียนรู้สิ่งใหม่และการแก้โจทย์ปัญหาที่นักเรียนอาจไม่เคยพบมาก่อน
  • วิชาวิทยาศาสตร์ ก็จะเน้นการสอบทั้งภาคปฏิบัติ และสอบวัดศักยภาพในการวางแผน และการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์  
  • ทั้งสองวิชานี้ คะแนนที่นำมาคิดจะเท่ากันและจะไม่มีการนำผลคะแนนจากการสอบรอบแรกมาคิดรวมรอบสอง


             ทั้งนี้ การสอบรอบที่สอง ทางโรงเรียนจะใช้ผลงานและกิจกรรมเด่น (แฟ้มสะสมผลงาน) ที่นักเรียนเคยทำในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นมาพิจารณาประกอบกันด้วย โดยผลงานและกิจกรรมที่ยื่นให้โรงเรียนพิจารณาจะต้องแสดงถึงศักยภาพของผู้สมัคร 6 ด้าน (ไม่จำเป็นต้องครบทุกด้าน) 


  • เป็นผู้มีศักยภาพในการทำโครงงานด้านคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์
  • เป็นผู้มีศักยภาพในการเรียนรู้สูงทางด้านคณิตศาสตร์
  • เป็นผู้มีศักยภาพในการเรียนรู้สูงทางด้านวิทยาศาสตร์
  • เป็นผู้มีศักยภาพในการเรียนรู้สูงด้านอื่นที่นอกเหนือจากวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ อาทิ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ
  • เป็นผู้มีศักยภาพในการเป็นผู้นำและการทำงานเป็นทีม เช่น การได้รับเลือกเป็นประธานหรือกรรมการนักเรียน ประธานชมรม หัวหน้าห้อง เป็นต้น
  • เป็นผู้มีศักยภาพในการเป็นผู้มีจิตสาธารณะ มีความมุมานะ ไม่ย่อท้อต่อปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ


การเตรียมตัวเพื่อการสอบเข้า

หากเราเข้าใจ ช่วงวัยเรียนจาก “3 Ex” นี้ คือ


วัยอนุบาล Exercise”  คือ วัยวิ่งเล่น กล้ามเนื้อดี สมองดี พึ่งได้สัมผัสโลกกว้าง 6 ปีแรก เรียนรู้ลองถูกลองผิด แก้ปัญหาจากการเล่น สนุกสนาน และร่วมทุกข์ ร่วมสุข หลังจากที่ได้เที่ยวเล่นบนโลกใบนี้ ช่วงวัยนี้คือ เด็กเป็นศูนย์กลางจักรวาล ขอเพียงให้เค้าดูแล รับผิดชอบตัวเองได้ ผู้ปกครองมีเวลาให้ เด็กจะมีความสุขจากการเล่น ยิ่งเลอะยิ่งเยอะประสบการณ์ครับ  


      “วัยประถม Explore” คือ ช่วงวัยค้นหา เพื่อได้ค้นพบ จากการเล่นกับเพื่อน ต่างกับวัยอนุบาลที่ไม่ต้องการแบ่งของเล่นให้ใคร แต่ตอนนี้ต้องการเล่นกับสังคมมากขึ้น ใช้ความสนุกและความอยากรู้ของเด็กเป็นตัวนำ ผู้ปกครองควรหาโอกาส สนับสนุน ด้วยการพาบุตรหลานออกไปค้นหาเยอะๆ หากค้นหาจากการได้ลงมือทำแค่ 10อย่าง โอกาสที่เด็กจะได้เลือกจึงมีแค่ 1 ใน 10 เท่านั้น (จึงอาจต้องเลือกความชอบที่จำกัด ในชุดประสบการณ์ที่จำเป็น) ต่างกันถ้าเราให้เด็กทำ และเลือกจากความชอบใน 100 อย่าง น้องๆย่อมมีโอกาสค้นพบความชอบได้ง่ายกว่า ความชอบนี้เรียกได้ว่า ยิ่งทำเยอะ ยิ่งเยอะประสบการณ์ ทั้ง วิชาการ ดนตรี กีฬา ศิลปะ เดินทาง ผจญภัย บริหารจัดการ การทำงาน การขึ้นเวที การแสดงออก การเป็นผู้นำ เป็นต้น โดยเฉพาะกิจกรรมเรียนรู้รอบด้านหลากมิติเหล่านี้ จะทำให้ น้องๆค้นพบตัวตนได้ไว แล้วเมื่อเค้าเกิดการทำซ้ำ ยิ่งทำให้ชัดใน Wayนั้น ว่าเค้าชอบอะไร? นั่นแหละคือ ทางของเรา ย่อมมีโอกาสเก่งและโดดเด่นกว่าผู้อื่นครับ


วัยมัธยม Expert” คือ ช่วงวัยพัฒนาศักยภาพ ตามทางของเรา คนเรานั้นย่อมพัฒนาศักยภาพ และเพิ่มขีดความสามารถได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะยิ่งการได้ไปเรียนรู้ในสิ่งที่เราชอบ ได้อยู่กับคนเก่ง สภาพแวดล้อมที่ดี สังคมที่ดี ซึ่งจะทำให้เราได้พัฒนาเป็นผู้เชี่ยวชาญ สามารถเป็นตัวแทน แข่งขันในระดับชาติ หรือ Go INTER นานาชาติได้เลยครับ


รู้ชัด รู้เร็ว เก่งเร็ว ไปได้เร็ว ไม่เสียเวลา


          หากน้องๆ ค้นพบว่าตนมี Passion และมีศักยภาพด้านใดเป็นพิเศษ บนพื้นฐาน ความรัก ความชอบ และความสุข เราจึงจำเป็นต้องรู้ ความชอบตัวเองจริงๆเสียก่อน บวกกับความคลั่งไคล้ใน Wayนั้นๆ หากน้องๆคลั่งไคล้ โดยเฉพาะด้านคณิต และ วิทย์ เราจะขอแนะนำโรงเรียนคุณภาพสูง ของไทยแห่งนี้เลยครับ 


          ซึ่งการที่เราจะสอบเข้า โรงเรียนที่ดี มีคุณภาพแบบนี้ได้ ย่อมแลกมากับการแข่งขันที่สูง เพราะเราจะต้องช่วงชิงโอกาส เราจำเป็นต้อง รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้งจากช่วงวัยประถมที่เราได้ค้นพบ ความชอบจริงๆแล้ว เมื่อมาอยู่ม.ต้น และอยากไปสอบเข้าโรงเรียนกำเนิดวิทย์ (ลูกอยากสอบเข้า ไม่ใช่พ่อแม่อยากให้เข้านะครับ) ดังนั้นช่วงม.ต้น จึงต้องเตรียมสร้างผลงาน รักษาฐานเกรดตลอด ม.ต้น และที่สำคัญต้องพัฒนาฝีมือ การทำโครงงาน การวิจัย นำเสนอผลงาน เป็นตัวแทน หรือสอบแข่งขัน เป็นต้น 


         หากท่านผู้ปกครอง หรือน้องนักเรียน อยากหาตัวช่วยดีๆ เรามีคนเก่ง ติวเตอร์เก่งๆ เฉพาะทางมากด้วยประสบการณ์ สอนหลักสูตรขั้นเทพทั่วไทย มากกว่า 10 ปี ช่วยสอน ช่วยติว สร้างความพร้อมก่อนลงสนามจริงมาโดยตลอด MU TUTOR ของเราช่วยท่านได้ 


เรามีหลักสูตร ขั้นเทพ 8 Steps”

Set A เน้นการติว ลงลึก พื้นฐานถึงแก่นทฤษฎี ที่ น้องๆอาจไม่เคยรู้จากที่ใดมาก่อน เพื่อให้น้องๆ สามารถนำไปประยุกต์พลิกแพลง แนวโจทย์ทุกรูปแบบได้

Set B เป็นรูปแบบ Practice ตะลุยโจทย์ เน้นภาคปฏิบัติ ใช้ความเข้าใจ จับเวลาทำโจทย์ หมดปัญหา ติวมาเยอะ แต่ทำข้อสอบเอง ทำไม่ได้ และทำไม่ทัน

         เพื่อพัฒนาขีดความสามารถให้แก่ น้องๆ และเตรียมพร้อมก่อนลงสนามจริงทั่วไทย


#เก่งขึ้น100% #ผลงานการันตีตลอด16ปี #MUTUTOR #สอบติดม.ปลายมากกว่า1,000คน #คอร์สขั้นเทพ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------

 สนใจรายละเอียด รับข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมทัก

Line: @MUTUTOR

Facebook & IG & Youtube & Tiktok : MU TUTOR

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก:
https://www.kvis.ac.th/


ข่าวสารทั้งหมด